
ต้องบอกว่าความสามารถทางด้านการแสดงถือเป็นจุดแข็งของ “เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ” แม้ในช่วงแรกเขาจะโดนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการพูดไม่ค่อยชัด แต่เขาก็ใช้ความสามารถลบคำตำหนิตรงนี้ไปได้ จนหลายคนให้การยอมรับในเรื่องของศักยภาพทางการแสดง
หากชั่งน้ำหนักระหว่างงานแสดงและงานดนตรีที่เขาได้สัมผัสในวงการบันเทิง ต้องบอกว่าน้ำหนักในตอนนี้จะโอนเอียงไปทางด้านการแสดงมากกว่า เพราะที่ผ่านมา “เป้” มักจะปรากฏผลงานการแสดงทั้งละคร ซีรี่ส์ และภาพยนตร์ แถมผลงานเหล่านี้ก็ยังมีกลุ่มผู้ติดตามผลงานมากกว่างานเพลงที่มีเฉพาะกลุ่ม
แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ผู้ชายคนนี้ท้อแท้กับงานเพลง เขายังคงทำในสิ่งที่รักและถนัดนั่นคือการร้องเพลงและเล่นดนตรีมาอย่างต่อเนื่อง จากบทบาทมือกีต้าร์คนสำคัญของวง “สเลอ” มาสู่การเป็นศิลปินที่มีอัลบั้มเดี่ยวเป็นของตัวเอง งานเพลงมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนตั้งแต่อัลบั้มแรก “ออโต้ อีโรติก” ออกจำหน่ายวันที่ 1 กันยายน 2555

มีเพลงดังอย่าง “มาเลเซีย” ที่มีความแปลกใหม่แหวกแนวมาสร้างภาพจำและประกาศการเป็นศิลปินเดี่ยวอย่างชัดเจน หลังจากนั้น “เป้” ก็ลุยงานเพลงของตัวเองมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 64 นี้ เขาก็มีอัลบั้มที่ 5 “BIG” ออกมาจำหน่ายเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ภายใต้สังกัด วอท เดอะ ดั๊ก
แม้แนวเพลงของเขาจะจับกลุ่มคนฟังเฉพาะกลุ่ม แต่ผลงานการแสดงของผู้ชายคนนี้ถือได้ว่ามีความเป็นแมสที่สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นผลงานทางหน้าจอทีวีหรือจอภาพยนตร์ก็ตาม เมื่อไหร่ที่ “เป้” ได้มาปรากฏตัวก็มักจะสร้างสีสันความน่าสนใจได้ดี
เขาถือเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ผลงานเรื่องแรกซึ่งมีน้อยคนนักที่จะเป็นแบบนี้ ปี 2550 “เป้” ชิมลางงานแสดงเรื่องแรกในภาพยนตร์ “บอดี้ศพ 19” หนังชวนหลอนของค่าย จีทีเอช ในยุคนั้น เขาสามารถประกาศตัวในฐานะนักแสดงได้อย่างงดงาม จนค่ายเดิมต้องคว้าตัวมาร่วมงานอีกครั้งในปีถัดไปเรื่อง “รักสามเศร้า”

ส่วนผลงานละคร “เป้” ก็เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จตั้งแต่เรื่องแรกเช่นกัน โดยเริ่มต้นจากละครช่อง 7เรื่อง “แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา” เมื่อปี 2552 เวลานั้นต้องยอมรับว่า “เป้” เป็นนักแสดงที่มีความสดใหม่เพิ่งแจ้งเกิดบนจอเงินมาไม่นาน เมื่อมาเล่นละครครั้งแรก แถมยังเป็นช่องใหญ่อย่างวิกหมอชิต งานนี้ช่องก็เลยส่งนางเอกเบอร์หนึ่ง “อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ” มาประกบคู่
เมื่อพระเอกดาวรุ่งมาเจอกับนางเอกตัวแม่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ “แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา” จะเป็นละครมาแรงแห่งปี 52 หลังจากละครเรื่องนี้ผ่านตาผู้ชมทั่วประเทศ ประกอบกับชื่อเสียงที่มีมาจากงานภาพยนตร์ ส่งผลให้หนุ่มมาดเซอร์คนนี้กลายเป็นพระเอกดาวรุ่งที่หลายคนให้ความสนใจ
ผลงานที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นหนัง ละคร และซีรี่ส์ ไม่ต่ำกว่าครึ่งร้อย ได้หล่อหลอมให้คนดนตรีคนนี้กลายเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทที่ใครๆ ก็ต้องยอมรับในความสามารถ “เป้” ผ่านงานแสดงมาแล้วหลายบทบาท โดยเฉพาะผลงานภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นพระเอกวัยใสในผลงานโรแมนติก คอมเมดี้ ภาพยนตร์สุดหลอน แอ็คชั่น ไปจนถึงเรื่องราวที่อิงประวัติศาสตร์ เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง

รวมถึงผลงานตีแผ่สังคมอย่าง “4 kings อาชีวะ ยุค 90’s” ซึ่งเขารับบท “ดา อินทร” นักเรียนอาชีวะหนึ่งในสถาบันที่ได้ชื่อว่ามีเรื่องทะเลาะวิวาทอยู่เป็นประจำ นับเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มีความน่าสนใจ ซึ่ง “เป้” จะต้องถ่ายทอดออกมาหลากหลายอารไม่ณ์ เช่นเดียวกับภาพยนตร์เรื่อง “วัยหนุ่ไม่ 2544” ที่สะท้อนชีวิตหลังกำแพงที่ไร้อิสระภาพ
เราจะเห็นได้ว่า “เป้” มักจะได้รับโอกาสการแสดงที่ดีเพราะแต่ละบทที่เขามาสวมตัวละครนั้น มีมิติทางการแสดงที่ลึกและน่าสนใจ ซึ่งไม่ได้ขายความเป็นชื่อนักแสดงนำ แต่รายละเอียดตัวละครมีเรื่องราวที่น่าค้นหาชวนติดตามอย่างมาก
ล่าสุด “เป้” ก็ได้พิสูจน์ศักยภาพของตนเองให้แฟนๆ ได้เห็นกันอีกครั้งในฐานะผู้เขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่อง “เดอะสโตน พระแท้คนเก๊” ผลงานที่กำลังเข้าฉายและได้รับคำชมเป็นอย่างมากทั้งผู้ชม คนบันเทิง รวมถึงนักวิจารณ์ต่างก็คอนเฟิร์มว่านี่คือภาพยนตร์ไทยที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งแห่งปี

การที่ “เป้” ทำผลงานออกเรื่อง “เดอะสโตน พระแท้คนเก๊” ออกมาได้ดีแบบนี้ แน่นอนว่าเราอาจจะเห็นการทำงานเบื้องหลังของเขาอีกอย่างแน่นอน ซึ่ง “เป้” ก็มีบทภาพยนตร์ที่เขาเขียนไว้อีก 4 เรื่อง ที่รอวันสร้างเป็นภาพยนตร์ต้องบอกว่า “เป้” ถือเป็นคนบันเทิงที่มีความสามารถอย่างแท้จริง เขาเป็นบทพิสูจน์ที่ดีว่าการเป็นคนบันเทิงจะต้องเก่งรอบด้าน ถึงจะอยู่ในวงการบันเทิงได้อย่างยาวนาน เมื่อมาผสมผสานรูปร่างหน้าตาที่ดูดีก็ยิ่งเป็นการการันตีได้ว่า “เป้” มีคุณสมบัติการเป็นซูเปอร์สตาร์ที่เพียบพร้อมรอบด้าน ซึ่งน้อยคนนักที่จะประสบความสำเร็จแบบนี้ในวัย 40 ปี

