ไม่ใช่ปรากฏการณ์แปลกใหม่อะไรที่นักร้องจะโดดข้ามงานตัวเองมารับหน้าที่เป็นนักแสดง เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็มีปรากฏการณ์นี้ให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ตั้งแต่สมัยยุค 80s – 90s มาแล้ว เราจะเห็นนักร้องหลายคนทั้งฝั่ง RS และ GRAMMY ต่างก็มีผลงานการแสดงที่โดดเด่น
ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าการเป็นศิลปินนักร้องในยุคนั้นต่างมีชื่อเสียงและมีหน้าตาที่ดี การที่ต้นสังกัดจะขายทั้งงานเพลงและงานแสดงก็ถือเป็นโอกาสอันสำคัญที่จะต่อยอดสร้างมูลค่าให้กับตัวศิลปิน
นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างโอกาสให้ศิลปินเหล่านั้นมีที่ยืนในวงการบันเทิงได้ชนิดที่ว่าสายป่านยาวอีกด้วย ซ่างเราจะเห็นได้ว่านักร้องในยุค 80s – 90s หลายคนปัจจุบันนี้เอาดีกับการเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่กันหมดแล้ว
ไม่ว่าจะเป็น “เต๋า-สมชาย เข็มกลัด”, “ลิฟท์-สุพจน์ จันทร์เจริญ”, “นุ๊ก-สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา”, “มอส-ปฏิภาณ ปฐวีกานต์” หรือ “กัปตัน-ภูธเนศ หงษ์มานพ” เป็นต้น แต่ละคนก็ล้วนมีผลงานการแสดงละครที่โดดเด่น แม้ปัจจุบันจะมีงานโชว์ตัวร้องเพลงบ้างก็ตาม แต่ภาพลักษณ์ปัจจุบันที่เด่นชัดก็กลายเป็นนักแสดงไปแล้ว
อย่างที่บอกว่าปรากฏการณ์ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร แต่ทุกครั้งที่เกิดปรากฏการณ์แบบนี้ก็ถือเป็นการตัดโอกาสนักแสดงทั้งหน้าเก่าและนักแสดงหน้าใหม่มากพอสมควร
โดยเฉพาะกับวงการภาพยนตร์ที่ปกติแล้วหนังไทยมักจะเป็นช่องทางในการแจ้งเกิดพระเอกนางเอกหน้าใหม่อยู่บ่อยครั้ง พระนางในจอละครบางคนก็ชิมลงจอเงินก่อนที่จะมีละครให้ชมกัน

การที่ภาพยนตร์ใช้ศิลปินนักร้องที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วมาเป็นนักแสดงนำ ถือเป็นการสร้างโอกาสความน่าสนใจในการรับชม เราต้องยอมรับว่ายุค 90s เราจะเห็นพระนางหน้าใหม่บนจอเงินในหนังไทยหลายเรื่อง แต่พอมายุคนี้การจะใช้นักแสดงหน่าใหม่มาเป็นตัวกระตุ้นยอดขายตั๋วหนังทำได้ยาก
เมื่อเป็นเช่นนั้นผู้อำนวยการสร้างรวมถึงผู้กำกับหลายคนก็ต้องสร้างแรงจูงใจในการรับชมจากตัวนักแสดงนำ ศิลปินที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วจึงเป็นตัวเลือกที่ดีทางหนึ่ง
ยกตัวอย่าง “จ๋าย ไททศมิตร” หรือ “อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี” นักร้องขวัญใจวัยรุ่นแห่งยุค ที่ชิมลงงานแสดงภาพยนตร์เรื่อง “4 KINGS” แม้ช่วงเวลานั้น “จ๋าย” จะยังไม่พีคเท่าตอนนี้ แต่การเล่นหนังขวัญใจอาชีวะก็เป็นประตูสู่ชื่อเสียงและความสำเร็จ โดยเฉพาะความสำเร็จในสายอาชีพนักแสดง
หลังจาก “4 KINGS” เขาก็มีผลงานเรื่อง “วัยหนุ่ม 2544”, “คุณชายน์ The Cliche” และล่าสุดกับผลงานเรื่อง “The Stone พระแท้ คนเก๊” ที่จะเข้าฉายเร็วๆ นี้อีกด้วย
ซึ่งเรื่องนี้ก็ยังได้ “อ๊ะอาย 4EVE – กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ” ร่วมแสดงด้วยเช่นกัน ที่ผ่านมา “อ๊ะอาย” ก็มีผลงานการแสดงละครและภาพยนตร์ให้เห็นกันอยู่บ่อยครั้ง แม้จะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ที่ “อ๊ะอาย” จะลุยทั้งงานเพลงและงานแสดง แต่ภาพที่ชัดเจนของเธอก็คือการเป็นศิลปินอยู่ดี
ศิลปินนักร้องหลายคนในวงการดนตรีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในเรื่องของการแสดง ทั้งละคร ซีรีส์ และภาพยนตร์ แถมแต่ละคนก็ล้วนได้รับคำชมที่ดีเยี่ยมไม่ว่าบทบาทนั้นจะมีความยากและความท้าทายมากแค่ไหน
ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือบท “พระดล” ในซีรีส์ Netflix เรื่อง “สาธุ” การปรากฏตัวของ “ปั๊ป โปเตโต้” หรือ “พัฒน์ชัย ภักดีสู่สุข” ในบท “พระดล” ตั้งแต่ซีนแรกที่ได้เห็น ก็สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมว่า “ปั๊ป” ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม จนกลายเป็นไวรัลพูดถึงเป็นอย่างมาก
เราคงต้องยอมรับว่าในยุคที่คอนเทนต์ทุกรูปแบบต่างมีการแข่งขันที่สูง การจะใช้พระนางที่เป็นแม่เหล็กดึงดูความน่าสนใจถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ศิลปินนักร้องที่มีฐ่านแฟนคลับเป็นแฟนเพลงอยู่แล้วจึงมักจะเป็นตัวเลือกหนึ่งที่จะดึงแฟนเพลงมาเป็นแฟนผลงานการแสดง
โดยเฉพาะกับคอนเทนต์ที่ต้องเสียเงินในการรับชม ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่างๆ หรือภาพยนตร์ก็ตาม ก็ต้องอาศัยนักร้องที่มีแฟนเพลงจำนวนมากยอมจ่ายเพื่อที่จะชมผลงานการแสดงของศิลปินที่พวกเขารัก จึงไม่น่าแปลกใจที่ยุคนี้เราจะเห็นนักร้องมีงานแสดงเพิ่มมากขึ้น นั่นเท่ากับว่าพื้นที่ของนักแสดงอาชีกก็จะลดน้อยลง ในขณะเดียวกันนักแสดงหน้าใหม่ก็จะมีโอกาสแจ้งเกิดได้ยาก แต่ก็เป็นเรื่องที่คุ้มค่าของผู้สร้างเพราะนักร้องเหล่านี้จะการันตีเรื่องรายได้อย่างแน่นอน