
คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่นางเอกคนหนึ่งจะประกาศก้องว่ารับงานละครแค่ปีละเรื่อง และไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนๆ หนึ่งมีผลงานน้อยแต่ชื่อเสียงของเขาไม่ได้น้อยตามหรือถูกสังคมลืมเลือน แต่“อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ” คือผู้หญิงคนนั้น แม้จะรับละครปีละเรื่อง แต่ชื่อเสียงและความเป็น “ตัวแม่” ก็ไม่เคยจางหายไป
ความเป็นเบอร์หนึ่งในช่อง 7HD ไม่มีใครสามารถโค่นลงได้ ซึ่งเธอก็เป็นที่ยอมรบของนักแสดงในช่องรวมถึงคนในวงการบันเทิงต่างๆ อีกมากมาย ที่เป็นแบบนี้เพราะว่า “อั้ม” คือนางเอกที่มีความสามารถ เพียบพร้อมทั้งความสวย และฝีมือ รวมไปถึงคุณงามความดีที่เธอหยิบยื่นให้สังคม
“อั้ม” เริ่มเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่ปี 2540 โดยการประกวด MissHack ปี 1997 ก่อนที่จะมีละครเรื่องแรกคือ “มณีเนื้อแท้” รับบทเป็น “พลอยไพลิน ชาเยนทร์ธร” ทำให้ “อั้ม” เริ่มเป็นที่รู้จักในวงการมากขึ้น จนได้รับการจับตามองในฐานะนางเอกดาวรุ่งในยุคนั้น

ระยะเวลาเพียง 2 ปี ที่อยู่ช่อง 7 “อั้ม” ก็มีละครมากถึง 4 เรื่องในปี 2542 คือ “ลูกหว้า”, “รักสองภพ”, “พลับพลึงสีชมพู” และ “แม่นาค” ผลงานรีเมคสุดอมตะที่นางเอกชื่อดังหลายคนต้องผ่านบทนี้
หลังจากนั้นในปี 2544 และ ปี 2548 นางเอกคนนี้ก็ได้ชื่อว่ามีผลงานละคร 4 เรื่องในปีเดียว นับเป็นสถิติสูงที่สุดในการมีละครออนแอร์ต่อปีของ “อั้ม-พัชราภา” เลยทีเดียว
เมื่อดูถึง 5 ผลงานของ “อั้ม” ที่มีเรตติ้งสูงที่สุด ต้องยอมรับว่าล้วนแต่เป็นละครที่ประสบความเร็จจนมีเรตติ้งสูงถึง 20 ด้วยกัน
โดยมีละคร 3 เรื่องที่สามารถทำเรตติ้งได้สูงถึง 20 นั่นคือ “ปิ่นมุก” ปี 2549 ประกบคู่กับ “ซี-ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์” ละครเรื่อง “เมียหลวง” ปี 2552 โคจรมาพบกับ “ตุ้ย-ธีรภัทร์ สัจจกุล” ซึ่งเรื่องนี้ “อั้ม” ได้มารับบานางร้ายเมียน้อย “อรอินทร์”

ส่วนเรื่องสุดท้าย คือ “พระจันทร์ลายพยัคฆ์” ปี 2553 นอกจากเธอจะได้มาประกบคู่กับ “เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ” และ “อั้ม” ก็ยังได้มาประชันฝีมือกับ “ยุ้ย-จีรนันท์ มะโนแจ่ม ” อีกด้วย
นอกจากนี้ก็ยังมีละครเรื่อง “เพลิงพายุ” ในปี 2548 กับบท “ปาริฉัตร” ก็สามารถกวาดเรตติ้งไปสูงถึง 22 ด้วยกัน โดยเป็นผลงานที่เธอได้มาประกบคู่กับ “ออย-ธนา สุทธิกมล” ซึ่งเป็นการหวนกลับมาคู่กันอีกครั้งของพระนางคู่ขวัญในยุคนั้น หลังจากประสบความสำเร็จในเรื่อง “โซ่เสน่หา” ในปี 2546
อีกหนึ่งผลงานที่กวดเรตติ้งไปสูงถึง 22 ก็คือ “แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา” ปี 2552 โดยละครเรื่องนี้ “อั้ม” ได้ชื่อว่าเป็นเจ๊ดันให้กับพระเอกหนุ่ม “เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ” ที่กำลังได้ชื่อว่าเป็นพระเอกดาวรุ่งในยุคนั้น
แต่พักหลังมานี้ด้วยพฤติกรรมของผู้ชมที่นิยมหันไปดูละครย้อนหลังผ่านช่องทางออนไลน์ แอพพลิเคชั่นต่างๆ ไปจนถึงการมาของทีวีดิจิทัลที่มีช่องทีวีให้ดูมากมาย ทำให้พฤติกรรมของผู้ชมในการดูละครเปลี่ยนไป

จากเรตติ้งที่เคยพุ่งสูงถึง 20 อย่างเก่งตอนนี้ก็ทำได้เพียงแค่ 10 ต้นๆ แต่ผลงานที่ “อั้ม” มาแสดงก็ยังคงได้รับความสนใจและกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นก็คือละครเรื่อง “เพลิงพระนาง” ในปี 2560 ที่ “อั้ม” เดินสายกวาดรางวัลนักแสดงนำหญิงมาแล้วหลายเวที
จากรางวัลทื่ “อั้ม” ได้รับมาไม่ต่ำกว่าครึ่งร้อย ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่า ความสามารถของนางเอกคนนี้เป็นที่ยอมรับในสังคม จนไม่อาจมีกระแสต้านทานได้
แม้ว่าจะไม่มีการชี้วัดความสำเร็จตำแหน่งเบอร์หนึ่งกับนางเอกต่างช่อง เหมือนการยอมรับในวิกหมอชิต แต่หลายคนก็ยอมรับว่าเธอคือเบอร์หนึ่งของวงการบันเทิงไทยไปแล้วแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครจะคิดแบบนั้น เพราะ “อั้ม” คือนางเอกเบอร์หนึ่งในดวงใจของใครหลายคน
